คำสอนของพ่อ ในวันที่ลูกชายแต่งงาน
พ่อสอนว่า . .
ตอนที่เมียของลูกยังเป็นสาว เขาอยู่บ้านพ่อแม่เขา
เขาเลี้ยงกันมาเอง ข้าวบ้านเราสักเม็ด น้ำบ้านเราสักแก้วเราก็ไม่เคยให้เขาได้กิน
แต่เป็นเพราะคำว่า “รัก” เขาจึงจากอ้อมอกอันอบอุ่นของพ่อแม่เขา
มาใช้ชีวิตอีกครึ่งค่อนที่บ้านเรา มาเป็นเมียของลูก มาเป็นลูกสะใภ้ของพ่อกับแม่
เอาพ่อแม่ของลูกเป็นพ่อแม่ของตัวเอง เอาพี่น้องของลูกเป็นพี่น้องของตัวเอง
เจ้าพูดสิ! หากเราไม่ทำดีกับเขา มันน่าละอายต่อพ่อแม่ของเขาหรือเปล่า?
เวลาผู้ชายเจออาหารที่ชอบกิน ก็จัดการซะพุงกาง
เมื่อท้องอืดก็รู้สึกไม่สบายตัว ต้องหาทางออกไปเดินเล่นเตร็ดเตร่
เจ้าคิดดูสิ! เมียของลูกต้องอุ้มท้องให้บ้านเราตั้งสิบเดือน
หากเขาไม่ยินดีที่จะเป็นแม่ ใครกันจะยอมทนอึดอัดแสนทรมานอย่างนั้น
เพื่อให้กำเนิดชีวิตน้อยๆ ลูกที่เกิดมาก็ไม่ได้ใช้แซ่สกุลของตัวเอง
เจ้าพูดสิ! หากเราไม่ทำดีต่อเขา มันน่าละอายไหมที่เขายอมสละเพื่อบ้านเราขนาดนั้น?
ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงต่างก็มีอารมณ์อ่อนไหว
ผู้ชายอ่อนไหวกับเรื่องราว หากคิดว่าเรื่องใดไม่ถูกต้อง ก็จะฝังใจ
ต่อให้เรื่องนั้นมันจะผ่านไปแล้วก็ตาม ก็ยังโมโหไม่หาย
ส่วนผู้หญิง อ่อนไหวกับคำพูด หากฟังแล้วไม่เข้าหู ยิ่งฟังก็จะยิ่งอารมณ์เสีย
ต่อให้มันผ่านไปแล้วก็ยังโมโหไม่หาย
ดังนั้น ลูกเป็นผู้ชาย ต้องรู้จักลดทิฐิลงก่อน
พูดอะไรที่เมียเจ้าชอบฟัง ต้องรู้จักเอาใจใส่ ลูกก็สบายใจ
เมื่อสิ่งนี้คือความสุขใยเจ้าจะไม่ลงมือทำเล่า!
โลกนี้ผู้หญิงสวยๆมีเยอะ แต่เมื่อแต่งงานแล้ว จะวอกแวกไม่ได้
และอย่าเอาเมียของเจ้าไปเปรียบกับหญิงอื่น
ชีวิตของคนเรา เกิดมาในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน
ประเพณีไม่เหมือนกัน การเลี้ยงดูที่ต่างกัน
จึงเป็นที่มาของนิสัยและความชอบที่ไม่เหมือนกัน
จนถึงช่วงที่แต่งงาน ความชอบและนิสัยก็ถูกฝังแน่นแล้ว
คำโบราณกล่าวว่า “ถมทะเลย้ายภูเขายังว่าง่าย แต่นิสัยเปลี่ยนยาก”
เมื่อเจ้าแต่งงานแล้ว ก็อย่าได้เอามาตรฐานการเป็นอยู่ของเจ้า
ไปตัดสินความต่างของเขาว่าเป็นข้อบกพร่อง
พ่อหวังว่าเจ้าจะเริ่มจากตัวเจ้าก่อนเปลี่ยนแปลงตัวเจ้าก่อน
สังคมสมัยนี้ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างทำงานนอกบ้าน
เจ้าก็ต้องช่วยทำงานบ้าน ไม่ใช่ปล่อยให้เมียทำงานบ้านอยู่คนเดียว
เมียของเจ้าเจ้าก็ต้องรัก หากวันหนึ่งมีใครคนอื่นที่รักเมียของเจ้ามากกว่าเจ้ารัก
ลูกก็เตรียมรับมือกับปัญหาที่จะตามมาได้เลย
ขอขอบคุณเรื่องราวดีดี จาก นุสนธิ์บุคส์